กาญฯ ละครั้งหนึ่ง

Author : slowtopia

กาญฯ ละครั้งหนึ่ง มีโอกาสแว่บไปใช้ชีวิต สไตล์เนิบช้า slow life : slowtopia ทริปนี้พวกเราไป ที่จังเกิ้ลราฟท์ หรือคนต่างชาติจะรู้จักว่า River Kwai Jungle Rafts Floating Hotel ก่อนไปก็ได้ข้อมูลมาว่า ที่นี่ไม่มีไฟฟ้า ไม่มี wifi สัญญาณมือถือก็มีน้อยนิดมีแค่บางค่าย และส่วนมากจะมีแต่ชาวต่างชาติที่มาเที่ยว … งั้นเราไปพิสูจน์กันว่าจะเป็นยังไงนะคะ ^_^

ต้องเตรียมขนม เครื่องดื่ม ไปด้วยเพราะที่นี่ไม่มีขายของ นอกจากบาร์เหล้านะฮะ และที่ไม่ควรลืมคือ ไฟฉาย  Power bank แบตเตอร์รี่กล้อง และมือถือให้เต็ม 100% อย่าให้ขาด จะว่าไปก็อยู่แค่ 2 วัน 2 คืนเองนะ จะกังวลทำไมขนาดนั้น ^^

ออกเดินทางบ่ายแก่ๆๆ เกือบค่ำของวันศุกร์ แต่กว่าจะหลุดพ้นการจราจรกรุงเทพฯ ได้ ใช้เวลาขับรถไปถึงท่าเรือรีโซเทลก็ประมาณ 3 ชั่วโมงกว่า มืดค่ำแล้วด้วย นั่งเรือไปอีก 15 นาที ถึงเวลาอาหารค่ำพอดี กินแล้วนอน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันจะไปเที่ยวไหน ค่ำคืนแรกที่มืดและอากาศหนาวสะท้านแล้วนะ

(ขอตัดภาพมาตอนเช้า)

….. อือฮื้ออออออ ตื่นๆๆๆๆๆๆๆ ร้องเรียกเพื่อนๆ ให้ตื่นมากรี๊ดกร๊าดด้วยกัน ไม่ได้อุปทานหมู่แต่อย่างใด ก็เป็นเช่นนี้ เอยยยยย…

หน้าห้องพักพวกเรา แดดอ่อนๆ คลอเคลียสายหมอก ฟินนนนนในวันแรกเลยฮะ

มุมอาหารเช้า

ไม่ต้องล้างหน้า แปรงฟัน มากินมื้อเช้าก่อนได้ ^^,

พนักงานส่วนมากจะเป็นชาวมอญชนกลุ่มน้อยที่ข้ามถิ่นมาจากพม่า สร้างหมู่บ้านอยู่บริเวณรีสอร์ทมานาน ก็เป็นการกระจายรายได้และสร้างงานให้กับชาวบ้านที่นี่ด้วย การแต่งกายก็ยังคงเป็นชาวมอญ หน้าตาจิ้มลิ้ม ปะแป้งลวดลายเกร๋ๆ

กินอาหารมื้อเช้ากับบรรยากาศแบบนี้ฟินจริงจริง

เช้าๆ น้ำนิ่ง

หลังมื้อเช้าก็มาชมวิวช่วยย่อย 🙂

หน้าและหลังห้องพักมีเปลญวนทุกห้อง

จากนั้นได้เวลาออกเที่ยวบริเวณโดยรอบ เดินข้ามสะพานไม้ไผ่จากแพไปบนฝั่ง เดินเล่นหมู่บ้านชาวมอญ อาจจะมียุงหรือแมลงบ้าง อย่าลืมฉีดสเปรย์กันยุงหรือแมลงไปด้วยนะคะ เนื่องจากเป็นเขตป่า

ทางเดินเข้าหมู่บ้าน

3 สาว (ใส่)ขาสั้น

มีขายผ้าทอ และของที่ระลึกงานฝีมือจากชาวบ้าน

บ้านของชาวมอญ

โรงเรียนสอนหนังสือ เห็นว่ามีสอนภาษาพม่าและภาษาอังกฤษด้วย ประมาณ bilingua

แอบเหงา

เดินไปผาเอน เดินเรื่อยๆ ไม่ไกลก็ถึงแล้วผาเอน เอนจริงๆ ประมาณ 45 องศาได้อยู่

เลยไปอีกหน่อยจะมีถ้ำพระมอญ มีพระพุทธรูปประดิษฐาน ถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านให้ความนับถือ

ณ จุดนี้ตรงถ้ำพระมอญ อยู่บนเชิงเขาตรงโค้งน้ำ มองลงมาจะเห็นแพจังเกิ้ลราฟท์ในมุมสูงนิดหน่อย

เดินกลับแพ ได้เวลาอาหารกลางวัน 🙂

ไม่มีรูปอาหารกลางวัน อาจจะเพราะถ่ายไม่ทัน ลืม ข้ามๆ ไปบ้างไรบ้าง อิ่มแล้วระหว่างรอจะไปล่องแพไม้ไผ่ มีเวลาซัก 2 ชั่วโมงเดินชมแพเล่นๆ

มีบริการนวดสปา ผ่อนคลาย ราคาก็ตามป้าย ไม่ว่าจะนวดตัว หน้า ฝ่าเท้า จัดให้ได้

มีบาร์เครื่องดื่ม นิยมกันตอนค่ำๆ มาที่นี่ดีอีกอย่างคือ ได้กินข้าวตรงเวลา 🙂 เพราะจัดอาหารลงทีเดียวพร้อมๆ กันตามเวลาที่กำหนดไว้ ส่วนกลางคืนมีการแสดงรำมอญ หรือ MON DANCE ให้นักท่องเที่ยวได้ชมอีกด้วย ราคา 160 บาทต่อคน

พนักงานสาวชาวมอญ

พนักงานสาว ? มั้ยนะ 🙂

เจอคลังแสง จุดกำเนิดความสว่างของที่นี่

… ไปล่องแพๆ กัน เจ้าหน้าที่ก็อยากจะให้พายเรือคายัคนะ แต่เรากลัวจะพายไม่ไหวกระแสน้ำแรง นั่งชมวิวมีคนพายให้ดีกว่า

ใส่ชุดมาเตรียมพร้อมจะโดดเล่นน้ำ

ได้อีกๆ น้ำก็ไม่ยอมลงเล่น ^^,

ระหว่างนั้นก็เจอฝูงควาย มีหญ้าให้กินเหรอนั่น หรือมาออกมาโชว์ตัวให้นักท่องเที่ยวชมนะ

นั่งแพไม้ไผ่ไป แต่ขากลับนั่งเรือยนต์กลับนะคะ เจ้าหน้าที่พายไม่ไหว แฮะๆ

กลับมาที่แพ ยังไงก็ต้องเล่นน้ำให้ได้นะ ห้ามพลาดเชียว โดดลงน้ำต้นแพแล้วปล่อยตัวลอยไปท้ายแพตามกระแสน้ำ … ยังไงดีละ ลิงเปิ้ลว่ายน้ำไม่เป็น แต่ก็อยากลงเล่น ก็ต้องโดดตามเค้าไป ปล่อยตัวว่ายตามสภาพ ให้เป็นภาระของเพื่อนๆ คอยตามฉุดดึงและเก็บขึ้นแพ ฮาๆ

เล่นน้ำพอสนุกได้ออกกำลังกายไปด้วย อาบน้ำเตรียมตัวกับอาหารมื้อค่ำ

พลบค่ำ แสงสว่างจากตะเกียงก็เริ่มมา โรแม๊นซ์ โรแมนติคอ่า

รอเวลา…

เวลาอาหาร พนักงานจะเคาะกระบอกไม้ไผ่ แล้วร้องตะโกนเสียงดังเพื่อให้ได้ยินไปทั่วจากต้นไปท้ายแพ ว่า Dinner ……

จับจองเลือกที่นั่งทำเลโรแมนติคกันตามสะดวก อาหารจัดเป็นเซตไว้ ถ้าจะสั่งอะไรเพิ่มต้องสั่งก่อนล่วงหน้าตั้งแต่กลางวันนะค่ะ เนื่องจากอาหารได้ถูกจัดเตรียมไว้แล้ว แต่ถ้าสั่งไข่เจียวยอมรับได้เพราะทำง่าย

อิ่มอาหารก็ต่อด้วย บาร์เครื่องดื่มของมึนเมาจากฝีมือบาเทนเดอร์ชาวมอญหรือไม่ก็ไม่แน่ใจ

ตลาดอาหารค่ำวาย ก็ถึงเวลาสังสรรค์ของพวกคอแอลกอฮอลล์

แล้วพวกเราก็ตั้งวงกันเอง ข้อควรระวังสำหรับที่นี่อย่างหนึ่งคือ งดใช้เสียงดังรบกวนคนอื่น เราจึงมาตั้งวงกันที่ร้านอาหารแบบเบาๆ เพราะคืนแรกกินหน้าห้องพักแล้วหัวเราะเสียงดัง ก็โดนห้องข้างๆ ดุมาแล้วด้วย ขอโทษขออภัยนะคะ ลืมตัวหัวเราะดังไปนิดส์นึง ^^.

แต่ร้านอาหารก็ปิด 4 ทุ่ม เป็นการดีจะได้มีเวลาพักผ่อน

คืนที่ดาวเต็มฟ้า

คืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่หนาวสะท้าน หลับฝันดีแบบมึนๆ แล้วพรุ่งนี้เช้าฟินกันต่อ ….

เช้านี้ตื่นมาแบบมึนหัว แต่ว่า…บรรยากาศเป็นแบบนี้ กรี๊ดๆ กันอีก

กดชัตเตอร์รัวๆ แดดอ่อนๆ หมอกลอยบนผืนน้ำบางๆ โอ้ยยยย ฟิน สวยงาม

มีเรือเข้าท่าพอดี

ABF เคล้าสายหมอก อร่อย รีบกินรีบกลับไปนอนต่อ อิอิ รอเช็คเอ้าท์เรือออกซัก 11 โมง

ลืมๆๆ ต้องไปเล่นกับช้างก่อน ตอนเช้ามีช้างมาที่ริมฝั่ง มีบริการนั่งช้าง หรือ ให้อาหารหยอกล้อเล่นได้ แต่ห้ามลอดท้องนะ 🙂 เป็นช้างที่ชาวบ้านมอญเลี้ยงที่โรงเรียนฝึกช้าง

ช้างกลับ พี่ก็ไปอาบน้ำบ้าง

อาบน้ำเสร็จก่อนก็สวยก่อน 🙂

นี่ก็สวยแล้วน่ะ ?

บ๊าย บายจังเกิ้ลราฟท์ ถ้าสนใจมาพักผ่อนแบบเนิ่บช้า

เช็คราคา ดูห้องว่าง อ่านรีวิวจากผู้ที่เคยมาเข้าพักท่านอื่นๆ ด้วยได้ที่  Traveloka  หรือที่เว็บไซต์ของที่พัก https://www.riverkwaijunglerafts.com/th/

Facebook River Kwai Jungle Rafts Floating Hotel ที่พักเเพ ริเวอร์เเคว จังเกิ้ลราฟท์ : https://www.facebook.com/riverkwaijunglerafts

มาใช้ชีวิตแบบช้าๆ เนิบๆ ห่างสังคมโซเซียล ชาร์จแบตให้ตัวเอง ได้อยู่กับธรรมชาติ สบายใจ แล้วไปกันต่อ ^_^

กลับขึ้นฝั่งได้ ร่างกายโหยหากาแฟสดในตัวเมืองกาญฯ แวะร้านนี้เลย เป็นตึกเก่าๆ ร้านสิทธิสังข์ มีเค้กด้วย อยากรู้รสชาติเป็นยังไงต้องมาลองเองนะคะ อร่อยของเราไม่เท่ากัน ^^,

จากนั้นเราไปตามหาต้นจามจุรียักษ์ เจ้าของร้านกาแฟก็แนะนำเหลือเกิน ว่ามันใหญ่ยักษ์จริงๆ นะ ต้องไปให้ได้ แล้วก็บอกเส้นทางไป ก็งงดี ฟังมาก่อนแล้วก็มาเปิด GPS ให้พาไป 🙂 หาไม่ยากอีกนั่นละ คนนิยมมากันมีชื่อใน google map ว่า ต้นจามจุรียักษ์ หรือ Giant rain tree

ต้นใหญ่ม๊ากกก แผ่กิ่งก้านสาขากระจายออกไปร่มรื่น เค้าบอกมีอายุมากกว่า 100 ปี ณ ตอนนี้ประมาณ 10 คนโอบ  ^^

ถ้ามาต้นจามจุรียักษ์แล้วไม่ควรพลาดมาไหว้พระที่ วัดถ้ำเสือ ห่างไปอีกน่าจะประมาณ 10 กว่ากิโลเมตร อยู่ในเขตอำเภอท่าม่วง ตั้งอยู่บนเนินเขา มองเห็นวิวทุ่งนาและแม่น้ำ มาช่วงนี้ทุ่งนาแห้งเก็บเกี่ยวไปหมดแล้ว

มีพระเจดีย์เกศแก้วปราสาท และพระพุทธรูปปางประทานพร ด้านล่างเชิงเขาเป็นถ้ำขนาดเล็ก ชื่อ ถ้ำเสือ ที่มาของชื่อวัด

ต้องมาแก้มือช่วงนาข้าวเขียวๆ หรือเหลืองแล้วละ วิวสวย ที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน

จบทริปเนิบๆ ช้าๆ เบาๆ slow life ใกล้กรุงเทพฯ มีเวลามาเที่ยวได้นะคะ วัดหยุดเสาร์อาทิตย์ 2 วันก็มาได้ … เหตุผลไม่มีเวลามันคือข้ออ้างของคนไม่รู้จักหาเวลา นะคะ ^__^

… พาตัวเองใกล้ชิดธรรมชาติ อยู่กับตัวเอง รู้จักปรับและสร้างสมดุลให้กับชีวิต แค่นี้ก็มีความสุขได้แล้วค่ะ

Fanpage เที่ยวแล้วยัง We like journey : www.facebook.com/welikejourney

Email : [email protected]

IG : lingple